fbpx
สายพันธุ์

12 สายพันธุ์แมวที่แพงที่สุดในโลก

แมวบ้านน่ารักสวมมงกุฏกษัตริย์นั่งอยู่บนก

แมวที่แพงที่สุดในโลก นั้นราคาเท่าไร? ปัจจุบันนี้หลายคนนิยมหันมาเลี้ยงแมวกันมากขึ้น โดยเฉพาะแมวสายพันธุ์ต่างประเทศ ที่นอกจากความฉลาดและความน่ารักของพวกมันแล้ว สำหรับบางคนยังเลี้ยงน้องแมว เป็นเพื่อนแก้เหงา หรือจะเลี้ยงเหมือนลูก รักเหมือนลูกเลยด้วยซ้ำ

บางคนนั้นก็อาจได้น้องแมวมาเลี้ยงแบบฟรี ๆ แต่บางคนก็ยอมจ่ายเงินหลายบาทเป็นค่าตัวของน้องแมว มาเลี้ยง ซึ่งแมวบางสายพันธุ์นั้นมีราคาสูงถึงหลักล้านกันเลยทีเดียว เราจึงรวบรวมสายพันธุ์แมวที่มีค่าตัวแพงที่สุดในโลกมาให้ชมกัน

แมวเป็นสัตว์เลี้ยงที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในไทย และทาสแมวจำนวนมากนั้น ก็ยินดีที่จ่ายเงินหลายหมื่น เพื่อเป็นเจ้าของแมวที่แสนน่ารัก โดยภาพรวมอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์สัตว์เลี้ยง ในปีที่ผ่านมา เติบโตราว 7-10% เจ้าของสัตว์เลี้ยงมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยปีละ 14,200 บาท ต่อตัว

แมวที่แพงที่สุดในโลก อันดับ 1

โดยมีเหล่าทาสจำนวนมากที่ยินดีทุ่มเงินมหาศาล เพื่อซื้อแมวพันธุ์หายากมาเลี้ยง วันนี้เราจึงได้รวบรวมรายชื่อสายพันธุ์ แมวที่แพงที่สุดในโลก 12 อันดับแรกของโลก ที่จัดอันดับโดย financesonline มาให้คุณได้ตัดสินใจเลือกดูตามกำลังทรัพย์ที่คุณไหวกันครับ

12. เมนคูน (Maine Coon) – ประมาณ ฿35,000

แมวที่แพงที่สุดในโลก อันดับ 12

เมนคูนเป็นสัตว์พื้นเมืองของนิวอิงแลนด์ มีทักษะการล่าหนูที่โดดเด่น สามารถปรับตัวให้เข้ากับสภาพอากาศที่หนาวเย็นของสหรัฐฯ ได้ดี มีขนาดใหญ่ ใจดี และฉลาดมาก

เมนคูนบางตัวมีน้ำหนักมากกว่า 10 ก.ก. และโตเต็มที่ในช่วงสามถึงห้าปี เจ้าเมนคูนนั้นสามารถปรับตัวได้ง่าย ตัวผู้นิสัยตลก และทำเรื่องโก๊ะ ๆ อยู่บ่อย ๆ ในขณะที่ตัวเมียจะเก็บอาการมากกว่า และด้วยความที่เมนคูนนั้นเป็นมิตรจึงทำให้พวกมันเป็นที่นิยม และมีค่าตัวราว ๆ 35,000 บาท

11. บริติช ช็อตแฮร์ (British Shorthair) – ประมาณ ฿28,000 ถึง ฿35,000

แมวที่แพงที่สุดในโลก อันดับ 11

บริติช ช็อตแฮร์ เป็นแมวที่ปรับตัวเก่ง น่ารัก และผูกพันกับเจ้าของ พวกมันเป็นสายพันธ์ุที่เข้ากับคน และรวมไปถึงสัตว์เลี้ยงอื่น ๆ ได้ง่ายด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตาม บริติช ช็อตแฮร์ ส่วนมากจะไม่ชอบให้อุ้ม เหล่าทาสอย่างเราก็ไม่ควรไปขัดใจน้องเขานะครับ

โดยต้นกำเนิดของสายพันธุ์นี้ต้องย้อนกับไปยุคของอาณาจักรโรมัน ที่นิยมเลี้ยงไว้เป็นแมวบ้าน เพราะมีจุดเด่นคือ ความสามารถในการล่าสัตว์ และพละกำลัง แต่ในปัจจุบันนั้น บริติช ช็อตแฮร์ ออกจะกลายเป็นแมวซุ่มซ่ามไปเสียแล้ว อาจเพราะการผสมสายพันธุ์กับแมวบ้านในสหราชอาณาจักร เพื่อทำให้ได้สายพันธุ์ที่มีปัญหาสุขภาพ และโรคต่าง ๆ น้อยลง

เพราะความอ้วนท้วมน่ารัก และดูพองกว่าแมวอเมริกันนั้น อาจเป็นสาเหตุที่ บริติช ช็อตแฮร์ นั้นได้รับความนิยมมาก และถึงแม้ บริติช ช็อตแฮร์ จะเป็นสายพันธุ์ที่มีหลากหลายสี แต่สีที่นิยมกันนั้นนิยมกันนั้นคือ ขนสีเทาอมฟ้า ดวงตาสีทองแดง และมีใบหน้าที่กว้าง ลูกแมวบริติช ชอร์ตแฮร์นั้นมีราคาตั้งแต่ 28,000 ถึง 35,000 บาทขึ้นไป ทำให้พวกมันเบียดเข้ามาอยู่ในลิสท์สายพันธุ์แมวที่แพงที่สุดอันดับที่ 11 ของเราได้นั้นเอง

10. อเมริกันไวร์แฮร์ (American Wirehair) – ประมาณ ฿42,000

แมวที่แพงที่สุดในโลก อันดับ 10

นี่คือสายพันธุ์แมวที่เป็นต้นพันธุ์ของแมวอเมริกันหลาย ๆ สายพันธุ์ โดยมีต้นกำเนิดจากการกลายพันธุ์ในฟาร์มแมวทางตอนเหนือของนิวยอร์ก เมื่อประมาณปี 1966 โดยจุดเด่นของมันอยู่ที่ขนที่โดดเด่นแตกต่างจากแมวสายพันธุ์อื่น ๆ นอกจากนี้ อเมริกัน ไวร์แฮร์ นั้นเป็นแมวที่ดูแลง่าย และทนทานต่อโรค ซึ่งทำให้พวกมันเป็นที่ชื่นชอบของทั้งทาสแมวทั่วไป และผู้ที่เพาะพันธุ์แมวอย่างจริงจัง

อเมริกันไวร์แฮร์นั้นมีนิสัยคล้ายกับอเมริกันช็อตแฮร์ คือ ขี้เล่น น่ารัก นิสัยดี ปรับตัวได้ง่าย และอาจมีมุมเอ๋อ ๆ บ้าง พวกมันเป็นแมวที่ชอบตื่นตัวอยู่บ้างในบางครั้ง พวกมันค่อนข้างฉลาด และชอบเล่นกับของเล่นแบบโต้ตอบ ชอบเข้าสังคมเป็นมิตรกับแขกใหม่ ๆ ที่แวะมาหาที่บ้าน และชอบตามเจ้าของไปตามที่ต่าง ๆ โดยทั่วไปแล้วอเมริกันไวร์แฮร์เป็นสายพันธุ์ที่มีสุขภาพดี ทำให้พวกมันเป็นที่นิยม และมีค่าตัวสูงราว ๆ 42,000 บาทเลยทีเดียว

9. อเมริกันเคิร์ล (American Curl) – ประมาณ ฿42,000

แมวที่แพงที่สุดในโลก อันดับ 9

อเมริกันเคิร์ล เป็นสายพันธุ์ยอดนิยมในหมู่คนรักแมว ด้วยความน่ารัก และขี้เล่นของพวกมัน รวมไปถึงลักษณะทางกายภาพที่โดดเด่นคือ ขนสวยดุจผ้าไหมเกรดดี มีดวงตาที่โดดเด่นชัดเจน และหูที่ม้วนงอ ซึ่งต้นกำเนิดของสายพันธุ์นี้คือ แมวจรสีดำเพศเมีย ที่มีขนยาว และหูตลก ทำให้ในปี 1981 โจ และเกรซ รูกา ( Joe & Grace Ruga ) รับมาเลี้ยงไว้ในเมืองเลกวูด รัฐแคลิฟอร์เนีย ทั้งคู่ตั้งชื่อแมวตัวนั้นว่าว่า “ชูลามิธ” และได้กลายเป็นต้นตระกูลของอเมริกันเคิร์ลในปัจจุบัน

เอกลักษณ์ของ อเมริกันเคิร์ล นั้นคือ หูม้วน ที่เกิดจากการกลายพันธุ์แบบสุ่ม และสายพันธุ์นี้จะมีบุคลิกที่น่ารัก ชอบเข้าสังคมกับมนุษย์ และแมวตัวอื่น ๆ มันไม่พูดมาก แต่เป็นสายพันธุ์ที่ฉลาด พวกมันมีขนที่ยาว ทำให้ต้องแปรงขนบ่อยสักหน่อย แต่นั้นก็ไม่ได้เป็นอุปสรรค์กับการรับเจ้าเหมียวสายพันธุ์นี้มาเลี้ยง โดยค่าตัวของน้องสนนอยู่ที่ราว ๆ 42,000 บาท

8. รัสเซียนบลู (Russian Blue) – ประมาณ ฿100,000

แมวที่แพงที่สุดในโลก อันดับ 8

รัสเซียนบลูมีชื่อเรียกอีกอย่างว่า “อาร์คแองเจิลแคท” เนื่องจากมีต้นกำเนิดมาจากเมืองอาร์คแองเจิลในรัสเซีย และเป็นที่รู้จักไปจักทั่วโลกในปี ค.ศ. 1875 พวกมันเป็นแมวที่ค่อนข้างโดดเด่น และดึงดูดผู้พบเห็นด้วยดวงตาสีเขียวสดใส และขนสีเงินอมฟ้า พร้อมกับรูปปากที่คล้ายกับรอยยิ้มเล็ก ๆ ทำให้ดูมีความสุขตลอดเวลา นอกจากนี้พวกมันยังขี้เล่น ฉลาด และเลี้ยงง่ายมาก ซึ่งทำให้มันเป็นสัตว์เลี้ยงที่เหมาะสำหรับทุกบ้าน รัสเซียนบลูนั้นเป็นแมวที่รักต่อเจ้าของมาก แต่พวกมันจะขี้อายกับคนแปลกหน้า ทั้งนี้ลูกแมวรัสเซียนบลู 1 ตัวนั้นอาจมีราคาสูงถึง 100,000 บาทเลยทีเดียว

7. สกอตติชโฟลด์ (Scottish Fold) – ประมาณ ฿100,000

แมวที่แพงที่สุดในโลก อันดับ 7

สกอตติชโฟลด์ มีต้นกำเนิกจากฟาร์มแห่งหนึ่งของสกอตแลนด์ในปี 1961 โดยมีความโดดเด่นที่หู ซึ่งพับลงมาข้างหน้า ทำให้แมวมีหน้าตาเหมือนตุ๊กตาหมี หรือ นกฮูก ซึ่งเป็นที่นิยมของเหล่าทาสแมวจำนวนมาก

โดยหูพับที่เป็นเอกลักษณ์นั้นเป็นผลมาจากยีนเด่นที่ส่งผลต่อกระดูกอ่อนของแมว และถึงแม้ สก็อตติช โฟลด์ นั้นจะมีหน้าตาที่ดูเศร้าสร้อย แต่นิสัยของพวกมันนั้นเรียกได้ว่าตรงกันข้ามเลยก็ว่าได้ เพราะปกติแล้วน้อง ๆ มักจะมีความสุข และกระฉับกระเฉง ชอบเข้าสังคม และชอบให้เจ้าของมาเล่นด้วย อย่างไรก็ตามควรที่จะระวังเรื่องสุขภาพไว้เพราะอาจมีปัญหาเนื้อเยื่อข้อต่อที่เสื่อมสภาพได้ โดยค่าตัวของน้องนั้นมีตั้งแต่หมื่นต้น ๆ ไปจนถึง 100,000 บาทได้เลยทีเดียว

6. สฟิงซ์ (Sphynx) – ประมาณ ฿100,000

แมวที่แพงที่สุดในโลก อันดับ 6

สฟิงซ์ หรือที่รู้กันว่าแมวที่ไม่มีขน ซึ่งเกิดจากการกลายพันธุ์ทางพันธุกรรมตามธรรมชาติ ต้นกำเนิดของสายพันธุ์นี้ถูกพบครั้งแรกในปี 1966 เมืองโทรอนโต ประเทศแคนาดา ไม่ใช่อียิปต์ อย่างที่หลายคนเข้าใจผิดกันนะ โดย สฟิงซ์ นั้นเป็นสายพันธุ์ที่ค่อนข้างแข็งแรง ไม่มีปัญหาทางพันธุกรรม หรือสุขภาพที่ร้ายแรง พวกมันมีความภักดี ขี้เล่น และชอบเรียกร้องความสนใจ ชอบเข้าสังคม และเป็นมิตรกับคนแปลกหน้า แถมยังเข้ากันได้กับแมว และสุนัขสายพันธุ์อื่น ๆ อีกด้วย

ทั้งนี้การไม่มีขนนั้นเกิดจากยีนด้อย และควรอาบน้ำให้น้องบ่อย ๆ เพราะผิวหนังของน้อง จะสะสมไขมันไว้ทำให้อาจเกิดผลเสียด้านสุขภาพได้ โดยใครสนใจจะหาน้องมาเลี้ยงนั้นก็มีราคาตั้งแต่หลักหมื่น ถึงแสนเช่นกัน

5. ปีเตอร์บัลด์ (Peterbald) – ประมาณ ฿170,000

แมวที่แพงที่สุดในโลก อันดับ 5

แมวปีเตอร์บัลด์ เป็นแมวสายพันธุ์รัสเซียที่สง่างาม อาจไม่มีขน หรือมีขนอ่อน ๆ คล้ายลูกพีช แมวบางตัวในสายพันธุ์นี้อาจมีขนนุ่ม ในขณะที่แมวบางตัวมีขนที่ดูเหมือนหนวดเคราของผู้ชาย ปีเตอร์บัลด์ถูกบันทึกไว้ครั้งแรกในปี 1988 เมื่อมีรายงานว่าพบเห็นแมวที่มีขนผิดปกติในรัสเซีย หลังจากนั้นก็มีการส่งออกปีเตอร์บัลด์ ไปยังประเทศอื่น ๆ ในยุโรป เพราะพวกมันมีความน่ารัก และมีสร้างกล้ามเนื้อที่สวย

ปีเตอร์บัลด์ มียีนเด่นที่ทำให้มันไม่มีขน มันเป็นแมวที่ฉลาด และน่ารัก และมักจะนอนบนตักของคุณอย่างสงบ อย่างไรก็ตาม ผิวของมันบอบบางมาก ควรต้องดูแลอย่างระมัดระวัง นอกจากนี้ ผิวหนังของพวกเขาไวต่อการถูกแดดเผามาก จึงไม่ควรออกกลางแจ้งเป็นเวลานาน โดยราคาของปีเตอร์บัลด์ อาจสูงถึง 170,000 บาทเลยทีเดียว

4. เปอร์เซีย (Persian) – ประมาณ ฿190,000

แมวที่แพงที่สุดในโลก อันดับ 4

แมวเปอร์เซียนั้นมีหลักฐานทางประวัติศาสตร์บ่งชี้ว่า สายพันธุ์นี้มีมาตั้งแต่หลายร้อยปีก่อนคริสตกาล โดยจุดเด่นของน้องนั้นอยู่ที่ใบหน้า และขนยาวฟู ดวงตาที่ทำให้พวกน้องดูน่ารัก และน่าเอ็นดู นอกจากนี้ แมวเปอร์เซีย ยังมีบุคลิกที่อ่อนโยน และอ่อนหวาน สามารถปรับตัวเข้ากับที่ ๆ เสียงดังได้ง่าย มีความขี้เล่น แต่ต้องแลกมาด้วยความลำบากในการดูแลขนที่ยาว จะเสี่ยงต่อการเกิดก้อนขน และพันกัน

จุดเด่นของแมวเปอร์เซียคือ ขนที่ปุกปุย และพวกมันยังชอบให้กอดอีกด้วย ทำให้แมวเปอร์เซียสวย ๆ นั้นสามารถมีราคาสูงถึง 190,000 บาทเลยทีเดียว

3. เบงกอล (Bengal) – ประมาณ ฿870,000

แมวที่แพงที่สุดในโลก อันดับ 3

แมวเบงกอล นั้นมีหน้าตาที่ดูดุดันแบบไม่เกรงใจใคร แต่น้อง ๆ นั้นสามารถเป็นแมวบ้านที่น่ารักได้เช่นกัน โดยแมวเบงกอลนั้นโดดเด่นที่ขนลายจุด และกล้ามเนื้อที่แข็งแรง มีต้นกำเนิดในปี 1970 เมื่อแมวเสือดาวป่าเอเชียผสมพันธุ์กับแมวพันธุ์ขนสั้น และแมวเบงกอลนั้นมีนิสัยรักสนุก มีความกระตือรือร้น และฉลาด แต่การเลี้ยง แมวเบงกอล ไว้ที่บ้านนั้นควรจะต้องมีการเตรียมตัวกันบ้างเพราะ น้อง ๆ มีความอยากรู้อยากเห็น และซนมาก บางครั้งคุณอาจจะเห็น แมวเบงกอลกระโดดลงไปว่ายน้ำในตู้ปลา หรือห้อยตัวลงมาจากโคมไฟระย้าได้

แมวเบงกอล ที่มีลาย และขนที่สวยงาม นั้นสามารถเรียกค่าตัวได้มากถึง 870,000 บาทเลยทีเดียว

2. ซาวันนาห์ (Savannah) – ประมาณ ฿1,750,000

แมวที่แพงที่สุดในโลก อันดับ 2

ซาวันนาห์ เป็นลูกผสมระหว่างแมวป่าแอฟริกา กับแมวเปอร์เซีย เพาะพันธุ์ขึ้นครั้งแรกในปี 1986 โดย จูดี้ แฟรงค์ ( Judee Frank ) และหลังจากนั้นไม่นาน ซาวันนาห์ ก็ได้รับความนิยม และได้รับการยอมรับจากสมาคมผู้เพาะพันธุ์ในช่วงกลางทศวรรษที่ 1990 โดยนิสัยของ ซาวันนาห์ นั้นมีความจงรักภักดีอย่างยิ่ง และถ้าหากได้รับการฝึกฝนตั้งแต่อายุยังน้อยก็จะสามารถอยู่ร่วมกับสัตว์เลี้ยงอื่น ๆ รวมถึงคนแปลกหน้าได้ มิเช่นนั้นหากพบคนแปลกหน้าน้อง ๆ อาจคำราม และขู่ได้ ซาวันนาห์ นั้นเป็นแมวที่แข็งแรง และว่องไว สามารถกระโดดขึ้นไปบนตู้สูง ตู้เย็น ได้อย่างง่ายดาย นอกจากนี้ น้อง ๆ ยังฉลาด ขี้สงสัย ขี้เล่น และกระตือรือร้น และแอคทีฟมาก

ซาวันนาห์ แบ่งได้เป็นห้าประเภทตั้งแต่ F1 ถึง F5 โดยแมว F1 นั้นจะมีลายเสือดาวปรากฎประมาณ 50% ในขณะที่แมว F5 นั้นจะมีลายเสือดาวปรากฎประมาณ 11% โดยราคาของสายพันธุ์นี้ ขึ้นอยู่กับเพศ และระดับ F ซึ่ง F1 ตัวเมียสามารถนั้นอาจมีมูลค่าสูงถึง 1,750,000 บาทเลยทีเดียว

1. อาชีร่า (The Ashera) – สูงกว่า ฿4,400,000

แมวที่แพงที่สุดในโลก

อาชีร่า แมวที่แพงที่สุดในโลก นั้นอาจมีราคาสูงกว่า 4,400,000 บาทเลยทีเดียว เนื่องจากเป็นสายพันธุ์ที่หายากมาก มีบริษัทในลอสแองเจลิส สามารถเพาะพันธุ์ลูกแมวอาชีร่าได้เพียง 5 ตัวต่อปี ดังนั้นหากคุณเป็นเจ้าของเจ้า อาชีร่า อยู่ล่ะก็ คุณจะเป็นหนึ่งในไม่กี่คนบนโลกนี้ ที่เป็นเจ้าของสายพันธุ์แมวที่น่าทึ่งนี้ ทั้งนี้ อาชีร่า นั้นเป็นลูกผสมระหว่างแมวเสือดาวเอเชีย แมวบ้าน และแมวป่าแอฟริกา ตามลักษณะนิสัย มันซื่อสัตย์ รักใคร่ และฉลาดมาก ในด้านความสวยงาม อาชีร่า มีลวดลายคล้ายกับเสือดาว แต่พฤติกรรม และนิสัยคล้ายกับแมวพันธุ์ซาวันนาห์ อย่างไรก็ตามมีผู้เชี่ยวชาญบางคนแย้งว่าการทดสอบทางพันธุกรรมเผยให้เห็นว่าแมว อาชีร่า นั้นความจริงแล้วคือ แมวพันธุ์ซาวันนาห์ ประเภท F1 แต่ถึงแม้จะมีข้อโต้แย้งเกี่ยวกับพันธุกรรมของมัน แต่เจ้าอาชีร่าก็ยังเป็นแมวบ้านที่มีค่าตัวมากที่สุดในโลกอยู่ดี

และนี่ก็คือ 12 สายพันธุ์แมวราคาตัวท็อปที่เรารวบรวมมาให้ แต่ต้องบอกว่าราคาที่อ้างอิงนั้นอาจมาก หรือน้อยได้ตามความสวยงาม และปัจจัยอื่น ๆ ซึ่งขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของผู้ซื้อ และผู้ขายด้วย อย่างไรก็ตามไม่ว่าน้องแมวจะมีราคาถูกหรือแพง แต่น้อง ๆ ต่างก็มีชีวิตจิตใจไม่ต่างจากเรา ดังนั้นหากเราตัดสินใจที่จะเลี้ยงเขาแล้วไม่ว่าจะแมวถูก หรือแพง หรือแม้แต่แมวฟรีที่ตัดสินใจรับมาเลี้ยงก็ตาม เราควรที่จะดูแลพวกเขาให้ดีที่สุดมอบความรักความอบอุ่นให้พวกเขาไม่ต่างกัน เพราะในความจริงแล้วทุกชีวิต และลมหายใจนั้นไม่สามารถตีมูลค่าค่าเป็นเงินหรอกได้ครับ

MozzareLalaMove

MozzareLalaMove

About Author

ลาล่าเป็นลูกตัวที่ 3 ของเซลิน่า เกิดวันที่ 5 พฤษภาคม 2565 ด้วยความที่จู๋เล็กตอนแรกเลยเข้าใจว่าเป็นผู้หญิงเลยตั้งชื่อเด็กๆลูกของเซลิน่าทั้ง 4 ตัวทั้งแก๊งค์ตามเทเลทับบี้ ตัวที่ 3 เลยชื่อ ลาล่า พอโตมาจิตวิญญาณเสือเข้าสิงทำลายข้าวของบ้านพังกระจาย ที่ชอบที่สุดเลยคือไปคุ้ยถุงเท้ามาแทะเล่นจนถุงเท้าจะหมดบ้านแล้ว

Leave a comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *

บทความที่เกี่ยวข้อง

แมว Abyssinian บนสนามหญ้าในสวน
สายพันธุ์

แมวอะบิสซิเนียน

แมวอะบิสซิเนียน (Abyssinian) มีความคล้ายคลึงกับรูปปั้นแมวอียิปต์โบราณ ด้วยรูปลักษณ์ที่เพรียวบางและสง่างาม เฉดสีทองซินนาม่อน ผสมผสานกับดวงตาขนาดใหญ่ที่เป็นเอกลักษณ์ของสายพันธ์ุนี้
แมวซานโตรินี
สายพันธุ์

แมวอีเจียน

แมวอีเจียน ( Aegean Cat ) เป็นหนึ่งในแมวบ้านตามธรรมชาติที่เก่าแก่ที่สุดที่มีอยู่ หมายความว่าแมวสายพันธุ์นี้ไม่ได้มีการถูกผสมข้ามสายพันธุ์นั้นเอง